Menu

ข่าวสนุกเกอร์ รู้จักกับสอยคิวแชมเปี้ยนชิพลีก รายการปฐมฤกษ์ซีซั่นใหม่

ข่าวสนุกเกอร์ ตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ “เดอะร็อกเก็ต” รอนนี่ โอซัลลิแวน เถลิงบัลลังก์แชมป์โลกสมัยที่ 7 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ณ สังเวียนครูซิเบิลเธียร์เตอร์ เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ
 

ข่าวสนุกเกอร์

ข่าวสนุกเกอร์ เชื่อว่าแฟนสนุกเกอร์คงเหงาไปตามๆกัน แม้ในช่วงระหว่างปิดฤดูกาล จะมีการแข่งขันระดับทัวร์สมัครเล่นในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ โดยเฉพาะศึกคิวสกูลให้ได้ชมกันบ้างก็ตาม

ในที่สุด ในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ การแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพโลกฤดูกาลใหม่ป้ายแดง อย่างซีซั่น 2022-2023 จะได้ฤกษ์เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการสำหรับฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้น จะประเดิมด้วยศึกสอยคิวแชมเปี้ยนชิพลีก 2022 ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน – 29 กรกฎาคม ณ สังเวียนมอนิ่งไซด์อารีน่า เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ

อันที่จริง แรกเริ่มเดิมที รายการนี้เป็นทัวร์นาเมนต์ระดับเล็กๆ ที่จะเชิญนักสอยคิวบิ๊กเนมในกลุ่มท็อป 32 ของโลกมาชิงชัยกันกันแบบชิลๆเท่านั้น ภายใต้การแข่งขันในระบบ 3 ใน 5 เฟรมทุกแมตช์ มีเงินรางวัลจำนวนเล็กๆให้ชิงชัย โดยไม่มีผลต่อคะแนนสะสมอันดับโลกแต่อย่างใด

ดังนั้น นักสอยคิวส่วนใหญ่ที่ได้รับการเชื้อเชิญให้มาร่วมดวลคิวในรายการนี้ จะมาแทงแบบรีแล็กซ์ซ้อมมือไปในตัว ไม่ได้จริงจังกันมากนัก ทว่านับตั้งแต่โควิด-19 ระบาดอย่างหนักตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 การแข่งขันที่จีน 5-6 ทัวร์นาเมนต์ ต้องถูกยกเลิกมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งแต่ละรายการมีเงินรางวัลชิงชัยมหาศาลทั้งนั้น

จึงทำให้เวิลด์สนุกเกอร์ทัวร์ (WST) ได้ยกระดับให้รายการแชมเปี้ยนชิพลีก กลายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่มีผลต่อคะแนนสะสมอันดับโลก เพื่อให้นักสอยคิวทุกคนในทัวร์จำนวน 128 คน ได้มีเวทีล่าเงินรางวัลและคะแนนสะสมกัน แถมยังเพิ่มเงินรางวัลอีกด้วย อย่างเช่นเงินรางวัลสำหรับตำแหน่งแชมป์ เพิ่มจาก 10,000 ปอนด์ ไปเป็น 20,000 ปอนด์ (ไม่รวมโบนัสที่ได้ในแต่ละรอบ)

สำหรับรูปแบบการแข่งขันในรอบแรก จะแบ่งนักสอยคิวทั้ง 128 คนในทัวร์ออกเป็น 32 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน โดยมือ 1-32 ของโลกจะได้สิทธิ์เป็นมือวาง โดยภายในกลุ่มจะต้องลงแข่งขันแบบพบกันหมดในระบบ 4 เฟรม(หากใครชนะ 3-0 เฟรม เฟรมที่ 4 ก็ไม่ต้องแข่ง) แล้วเก็บคะแนนเหมือนฟุตบอล เช่น ผู้ชนะ(ทั้งในสกอร์ 3-0 หรือ 3-1 เฟรม) จะได้ 3 คะแนน, หากเสมอในสกอร์ 2-2 เฟรม ก็จะได้ไปคนละ 1 คะแนน ส่วนคนที่แพ้(ทั้งในสกอร์ 0-3 หรือ 1-3 เฟรม) ก็จะไม่ได้คะแนน แล้วจะคัดเอาเฉพาะแชมป์กลุ่มเท่านั้นผ่านเข้าสู่สเตจที่ 2 ต่อไป หากแข่งขันจบแล้วมีคะแนนเท่ากัน ก็จะพิจารณาจำนวนเฟรมได้-เสียเป็นลำดับถัดไป แต่ถ้ายังเท่ากันอีกก็จะวัดกันที่ผลงานการเจอกันหรือเฮดทูเฮด และหากยังเท่ากันอีกก็จะวัดกันที่เบรกสูงสุดของแต่ละคนในรอบนั้นๆว่าใครทำได้มากกว่ากัน

นอกจากนี้ในรอบแรกยังมีเงินโบนัสให้อีกด้วย โดยคนที่จบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม นอกจากจะผ่านเข้ารอบต่อไปแล้ว ยังได้โบนัส 3,000 ปอนด์, รองแชมป์กลุ่ม 2,000 ปอนด์ และอันดับ 3 จำนวน 1,000 ปอนด์ ส่วนใครที่จมบ๊วยของกลุ่มจะอดได้เงินโบนัส

ส่วนในรอบที่ 2 หรือสเตจ 2 ระบบการแข่งขันก็จะเหมือนกันเด๊ะ ด้วยการนำแชมป์กลุ่มทั้ง 32 คนมาแบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คัดเอาแชมป์กลุ่มเพียงคนเดียวเท่านั้น ผ่านเข้าสู่สเตจที่ 3

สำหรับโบนัสในสเตจที่ 2 แชมป์กลุ่มจะได้ 4,000 ปอนด์, รองแชมป์กลุ่มได้ 3,000 ปอนด์, อันดับ 3 จำนวน 2,000 ปอนด์ และอันดับสุดท้าย 1,000 ปอนด์

จากนั้นในสเตจที่ 3 ก็จะนำเอาแชมป์กลุ่มจากสเตจที่ 2 จำนวน 8 คนมาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน แล้วแข่งขันแบบพบกันหมดเหมือนเดิม

ในส่วนของโบนัสสเตจที่ 3 แชมป์กลุ่มจะได้ 6,000 ปอนด์, รองแชมป์กลุ่ม 4,000 ปอนด์, อันดับ 3 จำนวน 2,000 ปอนด์ และอันดับสุดท้าย 1,000 ปอนด์

ด้านสเตจที่ 4 หรือรอบชิงชนะเลิศ จะคัดเอาเฉพาะผู้ที่คว้าแชมป์กลุ่มในสเตจที่ 3 ทั้ง 2 กลุ่ม มาดวลกันในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งแข่งในระบบ 3 ใน 5 เฟรม คนที่คว้าแชมป์นอกจากจะได้รับเงิน 20,000 ปอนด์ หรือประมาณ 8.7 แสนบาทแล้ว(ไม่รวมโบนัสจากรอบก่อนหน้านี้) ยังได้สิทธิ์ดวลคิวรายการใหญ่อย่างศึกแชมป์เหนือแชมป์หรือแชมเปี้ยนออฟแชมเปี้ยนส์ 2022 ในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้อีกด้วย

ส่วนผู้ที่คว้ารองแชมป์จะได้รับเงิน 10,000 ปอนด์(ไม่รวมโบนัสจากรอบก่อนหน้านี้)

จากการที่มีโบนัสในรอบต่างๆ ทั้งในสเตจที่ 1-3 จึงทำให้ผู้ที่คว้าแชมป์ จะได้รับเงินแบบเบ็ดเสร็จทั้งสิ้น 33,000 ปอนด์(ประมาณ 1.4 ล้านบาท) ประกอบด้วยเงินจากการเป็นแชมป์กลุ่มในสเตจแรก 3,000 ปอนด์, แชมป์กลุ่มสเตจที่ 2 จำนวน 4,000 ปอนด์, แชมป์กลุ่มสเตจที่ 3 อีก 6,000 ปอนด์ และแชมป์ประจำรายการอีก 20,000 ปอนด์

พร้อมกับจะได้คะแนนสะสมทั้งสิ้น 33,000 คะแนน ตามจำนวนเงินรางวัลที่ได้รับด้วย

สิ่งที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือ “เดอะร็อกเก็ต” รอนนี่ โอซัลลิแวน มหาเทพแห่งวงการสอยคิวชาวอังกฤษ ที่เพิ่งทำสถิติคว้าแชมป์โลกมากที่สุดเท่ากับ สตีเฟ่น เฮนดรี้ ด้วยจำนวน 7 สมัยเท่ากันเมื่อราวๆ 2 เดือนก่อน ยังไม่เคยคว้าแชมป์รายการแชมเปี้ยนชิพลีกมาครองแม้แต่ครั้งเดียว ใกล้เคียงสุดคือการคว้ารองแชมป์เมื่อปี 2016 หลังจากรอบชิงพ่าย จัดด์ ทรัมป์ รุ่นน้องร่วมชาติไป 2-3 เฟรม

อ่านข่าวต่อ : ข่าวสนุกเกอร์

โพสต์โดย : เสาโท เสาโท เมื่อ 29 มิ.ย. 2565 20:38:20 น. อ่าน 136 ตอบ 0

facebook